Friday, March 4, 2011

การ ใช้ภาษาในงานเขียนกับอาการ writer block ตอนที่ 1

การ ใช้ภาษาในงานเขียนกับอาการ writer block ตอนที่ 1


สืบเนื่องมาจากช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ผมโดนโรคสุดฮิตของนักเขียนเล่นงานเอาเต็มๆ กว่าจะฟื้นตัวได้เล่นเอาเหนื่อยข้ามเดือน ไม่ใช่โรคอะไรอื่นไกลอะไรหรอกครับแต่เป็นโรคที่จะเรียกว่าเคียงคู่กับนัก เขียนหน้าใหม่หน้าเก่า เก๋าแก่ โดยนักเขียนผู้อาวุโสเรียกมันว่า "อาการเขียนไม่ออก" หรือภาษาปะกิดสำแดงคำดังนี้ "Writer Block!"


เมื่อถูกโรคเขียนไม่ออกเล่นงาน ไฉนเลยผมจะอยู่นิ่งเฉยได้เพราะไอ้โรคนี้มันค่อนข้างรุนแรงสำหรับนักเขียนทุก ท่าน บางท่านจัดเป็นโรคน่าสะพรึงกลัวอันดับหนึ่ง เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้พาลจะกลายเป็นโรคเรื้อรังยากต่อการเยียวยารักษา ในที่สุดบางรายต้องทิ้งงานเขียนสุดรักไปทำอย่างอื่นที่น่าอภิรมย์กว่าเลยก็ มี คิดได้แบบนี้จึงต้องรีบงัดอาวุธออกมาสู้นั่นคือ สติปัญญาของมนุษย์ตัวอ้วนๆคนหนึ่ง (ผมเองแหล่ะ)...

ในเมื่อรักจะเป็นนักเขียน (อาชีพ) หรือสมัครเล่นก็ต้องรีบหายาชั้นดีมารักษา ทันใดนั้นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดนั่นคือคำถามแรก "อะไรมาblockตรูฟะเนี่ย?"ถ้ารู้สาเหตุก็มีชัยไปกว่าครึ่ง...

หลังจากโดนคำถามเล่นงานผมก็นั่งหลับตาทบทวนตัวเองเพื่อค้นหาคำตอบต่อคำถาม ที่ว่าอะไรเป็น สาเหตุอะไรที่ทำให้เขียนไม่ออก จนทำให้นิ้วที่เคยตวัดปากกาลงสมุดอย่างพริ้วไหวหรือพรมลงบนแป้นคีย์บอร์ด อย่างคล่องแคล่วแข็งทื้อเป็นสากกะเบือจิ๋วๆแบบนี้

ในที่ สุดก็ค้นพบ...

"ภาษาแข็ง" คือ ชนิดของโรคเขียนไม่ออกที่กำลังโจมตีผม...จนทำให้ไม่สามารถถ่ายทอด plot แนวคิดหรือโครงเรื่องที่เตรียมเอาไว้อย่างดีออกมาเป็นประโยคในนิยาย เรื่องสั้นได้ อาการนี้แบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ

ชนิดแรก...อาการที่เรียกว่าภาษาแข็งนั้นคล้ายๆกับอาการคิดคำไม่ ออก เลยไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปทั้งๆที่ในใจรู้อยู่แล้วว่าจะถ่ายทอดซีนของนิยาย หรือเรื่องสั้นตอนนั้นแบบไหน เพียงแต่มันติดที่ว่า จะเขียนออกมายังไงดีและจะเลือกใช้คำแบบไหนดีให้อ่านแล้วรื่นไหลเป็นปลาไหล แถวสภาผู้แทน

อาการภาษาแข็งชนิดที่สองสุดฮิตไม่แพ้ชนิดแรก แต่แตกต่างกันตรงที่เจ้าอาการชนิดที่สองนั้นนักเขียนสามารถเขียนได้ ถ่ายทอดออกมาได้แต่รูปประโยคที่ปรากฎแข็งกระด้าง อ่านแล้วไม่ไหลรื่นคล่้องลิ้น

ผมกำลังถูกอาการทั้งสองชนิดเล่นงาน...โดยเฉพาะชนิดที่สองซึ่งกำลังทวีความ รุนแรงขึ้นทุกๆวัน ส่งผลให้นิยายไซไฟเรื่องหนึ่งที่เขียนถึงตอนที่ 9 ต้องหยุดชะงักงันค้างเติ่งราวกับถูกสาปให้จบแค่ตอนนั้นทั้งๆที่วางโครง เรื่องไว้ 16 ตอน!

แล้วจะทำยังไง...

ด้วยความที่งานประจำของผมเกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ หาสาเหตุของปัญหาชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่ทำงานผิดพลาด (ทางด้านเทคนิคเรียกตำแหน่งนี้ว่า FA หรือ Failure Analysis) ผมจึงเริ่มต้นร่ายหัวข้อของสาเหตุที่น่าจะเป็นต้นตอของอาการเขียนไม่ออกโดย มีไอเดียว่าการแก้ปัญหาอาการเขียนไม่ออกนั้นไม่ต่างจากการหาสาเหตุของอาการ failures ของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ซึ่งอัลกอริธึมในการคิดน่้าจะเหมือนกัน และนี่คือสาเหตุของปัญหาใหญ่ๆเกี่ยวกับ writer block ที่ผมค้นพบ


• อ่านนิยาย เรื่องสั้นน้อยลง

• ขาดการฝึกเขียนในทุกๆวัน

• คิดมากเกินไป



ตอนต่อไปผมจะมาขยายความถึงรายละเอียดให้ฟังว่าแต่ละสาเหตุมีที่มาที่ไปอย่าง ไรและจะเอาชนะมันได้ยังไงครับ ท่านใดมีไอเดียดีๆสามารถ post แบ่งปันต่อกระทู้ได้ครับ

Tuesday, December 1, 2009

Avatar สุดยอดภาพยนต์ไซไฟจากผู้กำกับไททานิค!


Avatar สุดยอดภาพยนต์ไซไฟจากผู้กำกับไททานิค!

“แทบจะอดทนรอดูไม่ไหวแล้วครับ กำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนต์บ้านเราวันที่ 17 พ.ย. 2552 เชื่อว่าฉายรอบแรกจะเกิดปรากฎการณ์คนเยอะจนโรงแตกแน่ๆ
มีให้ชมทั้ง ระบบ 3D ที่โรงแบบ digital pictures กับ IMAX 3D บนจอสูงขนาดตึกกี่ชั้น? (จำไม่ได้แล้ว)”

ข้อมูลเรื่อง Avatar
Title: Avatar
Genre: Science-Fiction
Directed by: James Cameron
Written by: James Cameron
Starring:
Sam Worthinghton, Zoe Saldana, Sigourney Weaver, Stephen Lang, Michelle Rodriguez
Budget: $195 Million ลงทุนสร้าง
Music by: James Horner
Status: In Production
Release Date: December 18, 2009 วันที่ออกฉายทั่วโลก

จากภาพตัวอย่าง น่าจะเป็นแนวไซไฟแฟนตาซีมากกว่าฮาร์ดไซไฟครับ

Thursday, November 26, 2009

เวปสอนวาดการ์ตูนน่ารักๆครับ...รับรองต้องชอบ


แนะนำเวปดีๆวันนี้จะพาไปพบกับเวปสอนวาดการ์ตูนน่ารักๆครับ บังเอิญไปเจอตอนค้นข้อมูลใน google
เนื้อหาในเวปจะสอนวาดรูปการ์ตูนหลายๆประเภทครับ ทั้งภาพสัตว์ คน รถยนต์ สิ่งของ โดยสอนเป็นขั้นๆ step by step.
ด้านขวามือจะเป็นเมนู linkให้เลือกสำหรับ categories ต่างๆที่เราเลือกจากซ้ายมือ

มาวาดรูปการ์ตูนน่ารักๆกันเถอะ How to draw funny cartoons

เทคนิคงานเขียน day 7 : เทคนิคสำคัญทางจิตวิทยา..."เพิ่มความมั่นใจโดยการเขียนให้จบตามแผนที่วางไว้"


"เพิ่มความมั่นใจโดยการเขียนให้จบตามแผนที่วางไว้"
การเขียนเรื่องหรือเขียนนิยาย เกี่ยวข้องกับการสร้างความมั่นใจให้ตัวนักเขียนหรือนักอยากเขียนเองโดยตรงครับ การที่เราได้วางแผนไว้และเริ่มเขียน แต่...เขียนไม่จบสักเรื่อง ยิ่งเขียนหลายเรื่องแต่เขียนไม่จบก็ยิ่งทำลายความมั่นใจของเรา ความมั่นใจในงานเขียนจะลดลงเป็นสัดส่วนโดยตรงกับจำนวนเรื่องหรือนิยายที่เราเริ่มเอาไว้แล้วเขียนไม่จบ... นี่คือข้อเท็จจริงที่สำคัญครับ

งานเขียนนิยายไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราหรือนักเขียนเปรียบเสมือนพระเจ้าที่ต้องสร้าง "โลก" และ "ตัวละคร" ในนิยายขึ้นมาเอง ปล่อยให้ตัวละครแสดงในโลกที่เราสร้างขึ้น บรรยายการกระทำ เหตุการณ์ของพวกเขาออกมาเป็นคำพูด และแม้แต่ฆ่าตัวละครบางตัว ถ้าจำเป็นในตอนจบ

ดังนั้น เทคนิคสำหรับนักเขียนหน้าใหม่คือ...การเขียนนิยายสำหรับนักเขียนหน้าใหม่ ไม่ควรเริ่มเขียนเรื่องยาวๆ ควรเริ่มจากเรื่องสั้นๆซึ่งใช้เวลาไม่มาก พอเราเขียนเรื่องสั้นๆจบเราก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น และจะสั่งสมไปเรื่อยๆตามจำนวนเรื่องที่เราเขียนจบครับ

รวมเวปสำหรับดาวโหลด Theme WordPress free ที่สวยระดับเทพ

รวมเวปสำหรับดาวโหลด Theme WordPress free ที่สวยระดับเทพ
1) อันดับแรกที่นี่เลยครับ บางอันก็สวยมากจนดูรกไปหน่อย ก็แล้วแต่ความชอบครับ
http://topwpthemes.com


2) อันนี้ของ wordpress เอง ครับ มีเยอะมากๆ simple และสะอาดตา
http://wordpress.org/extend/themes/




3) ที่นี่ก็เยอะครับ
http://www.freewpthemes.net


4) อันดับสี่
http://wordpresstemplates.name

เทคนิคงานเขียน day 6 : เขียนในแนวที่ชอบและเรื่องที่อยากเขียนจริงๆ

สิ่งสำคัญที่พึงระลึกถึงคือ เรามักทำในสิ่งที่ชอบและอยาก (รัก) ทำได้ดีครับ ดังนั้นไม่เว้นแต่นิยาย เราชอบอ่านนิยายแนวไหนก็ให้เขียนนิยายแนวนั้นก่อนเพราะ

1 เราจะมีข้อมูลเขียนพร้อมที่จะปรับปลี่ยนมาใช้กับนิยายของเรา
2 เรารู้วิธีการดำเนินเรื่องนิยายแนวนั้นๆ (เพราะเราชอบอ่านนี่นา…)
3 เราจะสนุกกับมันเพราะเป็นแนวที่เราชอบ

เมื่อเราเริ่มเขียนนิยายที่เราวางเรื่องไว้ เราจะต้องอยู่กับมันเป็นเดือนๆ บางทีก็เป็นปีๆ ดังนั้นการอยู่กับนิยายที่เราอยากเขียนและสนุกกับมันย่อมดีไปกว่าเรื่องที่เราไม่อยากเขียน แต่ต้องเขียนเพราะ นิยายแนวนั้นมีคนอ่านเยอะ ตลาดกว้าง ถ้าเราจัดอยู่ในกลุ่มนักอยากเขียนประเภทแบบนี้ รับรองว่าเขียนไม่จบแน่ๆครับ เพราะเขียนไปสักพักเราก็จะเบื่อไปก่อน

ใครที่เขียนไปแล้วเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะเขียนต่อ ลองถามตัวเองดูว่า ไอ้เรื่องที่เราเขียนอยู่เราอยากเขียน อยากสร้างโลกในนิยาย และตัวละครขึ้นมาจริงๆไหม? ถ้าเรารู้สึกทุกครั้งที่เปิดคอมฯ พลิกหน้ากระดาษคว้าปากกามาเขียน แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมาในหัวว่า “เฮ้อ เบื่อ…นี่ตูต้องเจอกับไอ้ตัวละครตัวนี้อีกเหรอ หรือเฮ้อจะเขียนอะไรต่อดีวะ ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย” แนะนำให้คุณรีบหยุดเขียนและเปลี่ยนไปเขียนเรื่องอื่นดีกว่าครับ

เทคนิคงานเขียน day 5 : เขียนทุกวัน…เรื่องของอารมณ์ล้วนๆเลย…

เขียนทุกวัน…พูดง่ายแต่ทำยากครับ

การเขียนนิยายเป็นงานศิลปแขนงหนึ่ง เราคงเคยได้ยินว่า ศิลปินนักวาดรูปมักอาศัยสิ่งที่เรียกว่า “อารมณ์” (ไม่รู้ร่างกายผลิตออกมาจากต่อมส่วนไหนของร่างกาย จึงมีอิทธิพลต่อการกระทำเรื่องต่างๆของมนุษย์มากขนาดนี้) เพื่อเป็นสิ่งกระตุ้นให้ตัวเองอยากวาดภาพ วันไหนไม่มีอารมณ์อยากวาด อย่าว่าแต่วาดรูปง่ายๆเลย แค่จะหยิบภู่กันขึ้นมาแคะรูจมูกยังไม่อยากทำเลย …

นักเขียนไม่ต่างอะไรไปจากศิลปินครับ… ชอบเอาอารมณ์มาผูกกับนิสัยบังคับให้ตัวเองเขียนอยู่เหมือนกัน วันไหนไม่มีอารมณ์ เผลอๆไม่ได้สักตัวอักษร ยิ่งสมัยนี้ต้องมีขั้นตอนหลายขั้นก่อนจะเขียน เริ่มจากเปิดคอมพิวเตอร์ รอวินโดวส์บู้ท (ทำไม Windows ไม่เปิดปุ๊บติดปั๊บเหมือนทีวีฟะ) เปิด MS Word ขึ้นมาเพื่อลงมือพิมพ์ ยิ่งทำให้ไม่มีอารมณ์หนักไปใหญ่ เพราะยุ่งยากกว่าสมัยก่อนซึ่งแค่ยัดกระดาษขาวลงช่องของพิมพ์ดีดแค่นั้น….ก็ลงมือร่ายเรื่องราวได้แล้ว

ดังนั้นการเขียนให้ได้ทุกวันไม่ใช่ของง่ายที่จะทำสำเร็จกันได้ทุกคน บางคนบอกว่า “สามารถบังคับตัวเองให้เขียนได้ทุกวันแต่งานเขียนที่ปราศจากอารมณ์อยากเขียนมันก็เหมือนหนุ่มหล่อที่เต้นรำบนเวทีกับสาวสวยด้วยอาการแข็งเป็นสากกะเบือ งานที่ออกมาจึงไร้ชีวิตชีวา แบบนี้ไม่เขียนดีกว่า”

แต่ละท่านคงหาคำตอบให้เรื่องนี้ได้ เพราะแต่ละคนมีข้อจำกัดและเอกลักษณ์ นิสัย ภาระหน้าที่ ชีวิตที่ไม่เหมือนกันครับ แต่ท้ายสุดแล้ว สิ่งที่เราต้องการคือเป้าหมายเดียวกัน…เราต้องตอบโจทย์คำถามที่ว่า… “ทำยังไงให้เราเขียนนิยาย เรื่องสั้นได้ทุกวัน?”